CALIFORNIA, USA –อัลลิเซน คอร์พุซ โปรสาวชาวอเมริกันวัย 25 ปี ผงาดคว้าแชมป์เมเจอร์แรกในการเล่นกอล์ฟอาชีพเธอคว้าแชมป์ยูเอส วีเมนส์ โอเพ่น เมเจอร์ที่สามแห่งปีที่เพบเบิลบีช กอล์ฟ ลิงค์ส รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 กรกฎาคม 2566 ด้วยสกอร์รวม 9 อันเดอร์พาร์ 279 ชนะ ชาร์ลีย์ ฮัลล์ จากอังกฤษ และ ชิน จีเอ จากเกาหลีใต้อันดับสองร่วมไป 3 สโตรกพร้อมกับรับเงินรางวัล 2 ล้านดอลลาร์หรือราว 70 ล้านบาท มากที่สุดในประวัติศาสตร์กอล์ฟหญิง ส่วน ปภังกร ธวัชธนกิจ จบอันดับ 27 ร่วมดีที่สุดของนักกอล์ฟไทยในรายการนี้
การแข่งขันกอล์ฟยูเอส วีเมนส์ โอเพ่น เมเจอร์ที่สามแห่งปีของกอล์ฟหญิง ที่เพบเบิลบีช กอล์ฟ ลิงค์ส รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 6-9 กรกฎาคม 2566 โดยปีนี้เพิ่มเงินรางวัลรวมเป็น 11 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 387.5 ล้านบาท มากที่สุดในกอล์ฟหญิง แชมป์จะได้รับมากถึง 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 70 ล้านบาท
วันสุดท้ายเมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 กรกฎาคม ตามเวลาท้องถิ่น อัลลิเซน คอร์พุซ โปรสาวชาวอเมริกันซึ่งออกสตาร์ทตามหลังนาสะ ฮาทาโอกะ โปรสาวจากญี่ปุ่นผู้นำอยู่หนึ่งสโตรกทำ 6 เบอร์ดี้ เสีย 3 โบกี้สกอร์ 3 อันเดอร์พาร์ 69 รวมสี่วัน 9 อันเดอร์พาร์ 279 ชนะอันดับสองร่วมไปหนึ่งสโตรกคว้าแชมป์ไปครอง นับเป็นแชมป์แรกในแอลพีจีเอ ทัวร์ และเป็นแชมป์เมเจอร์แรกของเธอรับเงินรางวัลไป 2 ดอลลาร์ หรือราว 70 ล้านบาทซึ่งเป็นคนแรกที่ได้รับเงินรางวัลมากที่สุดต่อหนึ่งรายการในประวัติศาสตร์กอล์ฟหญิง
คอร์พุซ เป็นนักกอล์ฟชาวอเมริกันคนแรกที่คว้าแชมป์ยูเอส วีเมนส์ โอเพ่น ตั้งแต่ บริทนี แลง คว้าแชมป์คนล่าสุดเมื่อปี 2016 และกลายเป็นนักกอล์ฟจากรัฐฮาวายคนที่สองที่คว้าแชมป์รายการนี้ต่อจาก มิเชลล์ วี ซึ่งคว้าแชมป์ที่ไพน์เฮิร์ส เมื่อปี 2014 โดยทั้งสองคนต่างก็มาจากโฮโนลูลู
นักกอล์ฟสาวจากโฮโนลูลู เผยหลังการคว้าแชมป์ว่า “ฉันรู้สึกว่าสัปดาห์นี้ฝันของฉันกลายเป็นจริงแล้ว ฉันไม่รู้จะพูดอย่างไรดีเพราะการคว้าแชมป์แรกซึ่งเป็นแชมป์เมเจอร์มันมีความหมายอย่างมาก”
แชมป์ครั้งนี้ทำให้ คอร์พุซ ได้รับสิทธิ์แข่งขันยูเอส วีเมนส์ โอเพ่น 10 ปี พร้อมกับได้รับสิทธิ์ร่วมแข่งขันอีก 4 เมเจอร์ เชฟรอน แชมเปียนชิพ, เคพีเอ็มจี วีเมนส์ พีจีเอ แชมเปียนชิพ, วีเมนส์ โอเพ่น และ เอวิยอง แชมเปียนชิพ 5 ปี และได้สิทธิ์เป็นสมาชิกแอลพีจีเอ ทัวร์ 5 ปี
ชาร์ลีย์ ฮัลล์ โปรสาวชาวอังกฤษฟอร์มร้อนแรงทำ 1 อีเกิ้ล 6 เบอร์ดี้ เสีย 2 โบกี้สกอร์ 6 อันเดอร์พาร์ 66 รวม 6 อันเดอร์พาร์ 282 จบอันดับ 2 ร่วมกับ ชิน จีเอ จากเกาหลีใต้ อดีตมือ 1 ของโลก และแชมป์เมเจอร์ที่ทำ 4 อันเดอร์พาร์ 68
สำหรับ นาสะ ฮาทาโอกะ ผู้นำหลังสามวันแรกเกิน 4 โอเวอร์พาร์ 76 สกอร์รวม 3 อันเดอร์พาร์ 285 จบอันดับ 4 ร่วมกับ เบลีย์ ทาร์ดี จากสหรัฐซึ่งทำสกอร์ 1 โอเวอร์พาร์ 73
นักกอล์ฟสาวไทย 3 คนที่ผ่านตัดตัวเข้าไปเล่นในสองวันสุดท้าย “เหมียว” ปภังกร ธวัชธนกิจ แชมป์เมเจอร์เชฟรอน แชมเปียนชิพ ปี 2021 ทำ 2 เบอร์ดี้ เสีย 3 โบกี้สกอร์ 1 โอเวอร์พาร์ 73 รวมสี่วัน 6 โอเวอร์พาร์ 294 จบอันดับ 27 ร่วม รับเงินรางวัล 77,779 ดอลลาร์ หรือราว 2,731,054 บาท
“เมียว” ปาจรีย์ อนันต์นฤการ แชมป์แอลพีจีเอ ทัวร์ 2 รายการทำ 2 เบอร์ดี้ เสีย 4 โบกี้สกอร์ 2 โอเวอร์พาร์ 74 รวม 8 โอเวอร์พาร์ 296 อันดับ 33 ร่วม รับเงินรางวัล 50,093 ดอลลาร์ หรือราว 1,758,915 บาท
และ “โม” โมรียา จุฑานุกาล แชมป์อาชีพแอลพีจีเอ ทัวร์ 2 รายการทำ 1 เบอร์ดี้ เสีย 5 โบกี้ และดับเบิ้ลโบกี้ 1 หลุมสกอร์ 6 โอเวอร์พาร์ 78 รวม 19 โอเวอร์พาร์ 307 จบอันดับ 73 รับเงินรางวัล 20,538 ดอลลาร์ หรือราว 721,150 บาท
ขณะที่ โรส จาง โปรสาวชาวอเมริกันจบอันดับ 9 ร่วมสกอร์รวม 1 โอเวอร์พาร์ 289 เป็นการจบลงใน 10 อันดับแรกสามรายการติดต่อกันในการเล่นอาชีพมา 3 รายการ คว้าแชมป์มิซึโฮ อเมริกา โอเพ่น และอันดับ 8 ร่วมเคพีเอ็มจี วีเมนส์ พีจีเอ แชมเปียนชิพ เมเจอร์ที่สองแห่งปี
ส่วน เบเนเดตตา มอเรสโก นักกอล์ฟสมัครเล่นจากอิตาลีคว้ารางวัลนักกอล์ฟสมัครอันดับดีที่สุดหรือ (Low Amateur) เมื่อจบลงอันดับ 33 ร่วมสกอร์รวม 8 อันเดอร์พาร์ 296
Photo Credit: Getty Images