“คุณหญิงปัทมา” พอใจคู่ “กิ๊ฟ-วิว” สู่เต็มที่ หยิบรองแชมป์ “อินเดีย” หลังชิงฯ หนแรก

การแข่งขันแบดมินตันสะสมคะแนนโลก “เอชเอสบีซี บีดับเบิลยูเอฟ เวิลด์ ทัวร์ 2018” รายการ “อินเดีย โอเพ่น” ระดับซูเปอร์ 500 หรือ “ซูเปอร์ซีรี่ส์” เดิม ชิงเงินรางวัลรวม 350,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 11,500,000 บาท ที่กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 4 ก.พ. รอบชิงชนะเลิศ คู่น่าสนใจ หญิงคู่ “กิ๊ฟ” จงกลพรรณ กิติธรากุล/”วิว” รวินดา ประจงใจ คู่มือ 11 ของโลก ที่ลงแข่งขันรอบชิงฯ รายการระดับซูเปอร์ 500 หรือ “ซูเปอร์ซีรี่ส์” เป็นครั้งแรก พบกับ เกรเซีย โปลี่/อาพริลยานี่ ราฮายู คู่มือ 7 ของโลก จากอินโดนีเซีย โดยสถิติการเจอกัน 1 ครั้ง ในรอบแรกศึก “โคเรีย โอเพ่น 2017” เป็นคู่สาวแดนอิเหนาที่เอาชนะ 2-0 เกม 21-15, 24-22

ส่วนครั้งนี้ปรากฎว่า คู่สาวไทย ไม่สามารถต้านทานความแข็งแกร่งของคู่แดนอิเหนาได้ พ่ายไป 0-2 เกม 18-21, 15-21 ได้เพียงรองแชมป์ และรับเงินรางวัลปลอบใจ 13,300 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 438,900 บาท ส่วนคู่ อินโดนีเซีย คว้าแชมป์พร้อมรับเงินรางวัล 27,650 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 912,450 บาท

คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล นายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า ทั้งกิ๊ฟ และวิว ได้สู้อย่างเต็มที่แล้ว แม้จะได้เพียงรองแชมป์ แต่ก็ถือเป็นความสำเร็จของวงการกีฬาแบดมินตันไทยอีกครั้ง เพราะตั้งแต่ต้นปี นักแบดมินตันไทยคว้าได้ 4 แชมป์ และ 2 รายการหลัง ทั้ง “อินโดนีเซีย โอเพ่น” และ “อินเดีย โอเพ่น” รัชนก อินทนนท์ เข้ารอบรองฯ ได้ทั้งหมด ขณะที่คู่ กิ๊ฟ-วิว ลงแข่งขัน 3 รายการในปีนี้ คว้าแชมป์ได้ 1 รายการ จาก “ปริ๊นเซส สิริวัณณวรี ไทยแลนด์ มาสเตอร์ส 2018” และเข้ารอบก่อนรองฯ ที่อินโดนีเซีย และครั้งนี้ก็ทะลุเข้ามาคว้ารองแชมป์ได้สำเร็จ อย่างไรก็ดี การพ่ายคู่จากอินโดนีเซียครั้งนี้ก็เป็นการพ่ายแพ้ที่สมศักดิ์ศรี ส่วนหนึ่ง เราต้องยอมรับว่า อาจจะเป็นรองเมื่อดูจากสถิติที่เจอกันมา แต่นักกีฬาของเรามีพัฒนาการที่ดีขึ้น และเราเชื่อมั่นว่านักกีฬาแบดมินตันไทยจะมีศักยภาพสูงขึ้นต่อเนื่องแน่นอน ขณะเดียวกัน ต้องชื่นชมฝ่ายพัฒนานักกีฬาสู่ความเป็นเลิศ รวมถึงโค้ชเร็กซี่ ไมนากี้ หัวหน้าผู้ฝึกสอนนักแบดมินตันทีมชาติไทย ชาวอินโดนีเซีย ที่วางแผนในการส่งนักกีฬาออกไปแข่งขันได้เป็นอย่างดี เพราะช่วยให้สภาพร่างกายนักกีฬาไม่ต้องกรำศึกหนักติดต่อกัน ตามโปรแกรมการแข่งขันของสหพันธ์แบดมินตันโลก(บีดับเบิลยูเอฟ) ที่นับว่าหนักอยู่ไม่น้อยในปีนี้ อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ชัดว่านักกีฬาของเรามีพัฒนาการที่ดีขึ้น และเราเชื่อมั่นว่า นักกีฬาแบดมินตันไทยจะมีศักยภาพสูงขึ้นต่อเนื่องแน่นอน ขณะเดียวกัน แม้ทั้งคู่จะไม่ได้ร่วมทีมหญิงไปแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย ในวันที่ 6-11 ก.พ.นี้ ยังมั่นใจว่าทีมหญิงไทยที่มีดาวรุ่งผสมไปบางส่วน จะทำผลงานได้ดี โดยสมาคมฯ ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะสามารถเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้เป็นอย่างน้อย