พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาพฤตินิสัยของเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กและเยาวชนที่อยู่ในสภาวะมีความเสี่ยง และขาดโอกาสพิสูจน์ตัวเอง จึงทรงมีพระดำริให้สำนักงานโครงการส่วนพระองค์ฯ ก่อตั้งโครงการฝึกอบรมทักษะกีฬาเทเบิลเทนนิส เมื่อปี 2558เพื่อประทานโอกาสให้เด็กได้พิสูจน์ศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาให้เป็นที่ยอมรับในสังคม
ภายใต้ชื่อโครงการ “ให้โอกาสสร้างคน : Young Table Tennis Way Of Change” ซึ่งดำเนินโครงการในบ้านมุทิตาเป็นแห่งแรก ก่อนได้ขยายไปยังบ้านปรานีในปีเดียวกัน โดยหลังผ่าน 1 ปี เด็กและเยาวชนมีการพัฒนาทักษะความสามารถด้านกีฬาเทเบิลเทนนิสในระดับดี จึงต่อยอดเป็นโครงการ “Bounce Be Good : เด้งได้ดี” เมื่อปี 2559 เพื่อสานต่อความฝันในด้านกีฬาให้เด็กและเยาวชน
เวลาต่อมา “Bounce Be Good” ต่อยอดจากสำนักงานโครงการส่วนพระองค์ฯ ออกเป็น “สโมสรกีฬาบีบีจี” หรือ “BBG Club” ซึ่งดำเนินการจัดตั้งบ้านสโมสรและยิมกีฬาเทเบิลเทนนิส เพื่อใช้เป็นที่พักและฝึกซ้อมของนักกีฬาเยาวชนสโมสร โดยมีนโยบายการดูแลรอบด้าน ทั้งด้านความเป็นเลิศทางกีฬา ด้านอารมณ์ และสังคม เพื่อสร้างการพัฒนาและสร้างอาชีพให้เยาวชนเหล่านี้กลายเป็นนักกีฬาอาชีพเต็มตัว รวมทั้งพัฒนาด้านแนวความคิด และทัศนคติในการดำรงชีวิตในสังคม
กิจกรรมทางกีฬาเทเบิลเทนนิสทางสโมสรได้จัดการแข่งขันกีฬาเทเบิลเทนนิส “บีบีจี ปริ๊นเซส คัพ 2018” ชิงถ้วยประทานพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ซึ่งปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 ที่เพลนารีฮอลล์ 1-3 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ช่วงวันที่ 7-9 ธันวาคม โดยมีนักกีฬากว่า 1,200 คน จากกว่า 200 ทีม เข้าร่วมชิงชัยใน 16 ประเภท
ปัจจุบันสโมสรกีฬาบีบีจี มีนักกีฬาทั้งสิ้น 374 คน แบ่งออกเป็น ทีมเอ 9 คน ทีมบี 12 คน และทีมซี 353 คน ซึ่งปีนี้ได้ขยายออกไปอีก 2 ประเภทกีฬา คือ แบดมินตัน และฟุตบอล อีกทั้งมีแผนการขยายพื้นที่การฝึกอบรม จากพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ
“แอม” บัว ทิพย์สุด วัย 20 ปี นักกีฬาชุดแรกที่เข้าร่วมตั้งแต่แรกเริ่มก่อตั้งสโมสรกีฬาบีบีจี เล่าให้ฟังว่า สโมสรให้เราฝึกซ้อมกีฬา และให้มีการศึกษาควบคู่กันไปด้วย ตั้งแต่เข้ามาทำให้เราได้เปลี่ยนความคิด พฤติกรรมและนิสัย รวมทั้งวางเป้าหมายและความฝันที่วาดไว้
“เป้าหมายคืออยากเป็นครูพละ และอยากเป็นโค้ชสอนกีฬาให้เด็กๆ เพราะว่าอยากสอนสิ่งที่เราเคยได้รับ และอยากส่งต่อสิ่งต่างๆ ให้น้องๆ ต่อไป ซึ่งอยากจะบอกน้องๆ ทุกคนว่า ให้อดทน และพยายามทำตามความฝันตัวเอง แค่มีความเชื่อว่าเราทำได้ เราก็จะทำได้แน่นอน และถ้าเราเชื่อแล้วลงมือทำ เราก็จะทำสำเร็จ” น้องแอม กล่าวทิ้งท้าย
ขณะที่ “ปอนด์” ปิยฉัตร ส่งสุข วัย 22 ปี นักกีฬาสโมสรกีฬาบีบีจี กล่าวว่า การได้มาฝึกซ้อมที่สโมสรกีฬาบีบีจีทุกวัน ทำให้เริ่มพัฒนาฝีมือขึ้น สโมสรกีฬาบีบีจีให้หลายอย่างกับตัวเอง สโมสรแห่งนี้ได้มอบโอกาสให้เราปรับตัวเป็นคนดี และทำให้มองเห็นเป้าหมายข้างหน้าที่จะเดินไปต่อ ทุกอย่างในสโมสรแห่งนี้ดีกับตัวเราแน่นอน
“ตั้งแต่เข้ามาที่สโมสร สิ่งที่เปลี่ยนไปเยอะเลยก็คือความคิดของหนูค่ะ เปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่หมดเลย การเล่นเทเบิลเทนนิส ทำให้เรามีสมาธิ มีความคิดแน่วแน่อยู่กับลูกที่จะมา ทุกอย่างจะต้องอยู่ในความคิดของเราหมด การเล่นเทเบิลเทนนิสทำให้พวกเราได้ปรับเปลี่ยพฤติกรรมของตัวเองได้ดีขึ้น” น้องปอนด์ กล่าว
ด้าน “ปอม” คเณศร์ ดุนโคกสูง และ “เป” คริษฐ์ ดุนโคกสูง คู่พี่น้องฝาแฝดวัย 21 ปี เล่าว่า ตั้งแต่เข้ามาสโมสรตั้งแต่ปี 2559 ดีใจและภูมิใจมาก เพราะเชื่อว่าสโมสรจะพาตัวเองไปได้ไกลตามเป้าหมาย แต่ในทางกีฬาไม่ได้หวังสูงเกินไป เพราะเรามาช้ากว่าคนอื่น แต่อยากจะนำกีฬามาช่วยในการพัฒนาตัวเอง แต่หลักๆ ตอนนี้ก็อยากจะเรียนให้จบเสียก่อน
“ตั้งแต่เข้ามาสู่สโมสรบีบีจี ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะเลย โดยได้พัฒนาตัวเองด้วยการเล่นกีฬา และได้การเรียนด้วย ตอนนี้ก็อยากที่จะเรียนให้จบก่อนแล้วค่อยมองต่อไปถึงอนาคต ถ้าเราจบจากตรงนี้ไปในอนาคตเราก็อยากจะไปอบรมโค้ชเพื่อมาเป็นโค้ชสอนให้กับน้องๆ เหมือนกับที่เราได้รับ เพราะสโมสรแห่งนี้สอนให้เราได้เรียนรู้ถึงการเป็นผู้ให้ รวมทั้งความคิด ทัศนคติ และบุคลิกภาพที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น” คู่แฝดปอมเป กล่าวทิ้งท้าย
สโมสรกีฬา บีบีจี ถือเป็นสโมสรที่มอบโอกาสครั้งสำคัญให้กับเด็กและเยาวชนไทยให้ได้เปลี่ยนแปลงชีวิต ทั้งด้านความคิด ทัศนคติ และพัฒนาศักยภาพของตัวเองจากการนำกีฬาเทเบิลเทนนิสเข้ามาเป็นสื่อกลาง ซึ่งนับเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิตของกลุ่มเด็กและเยาวชนเหล่านี้ในการก้าวไปสู่การเป็นนักกีฬาอาชีพ และการก้าวไปสู่การดำรงตนในสังคมที่จะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาสังคมให้ก้าวเดินไปสู่ในอนาคตได้อย่างยั่งยืน