BANGKOK, THAILAND — กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จับมือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย การกีฬาแห่งประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร และไทยแลนด์ไตรลีก จัด “วิ่งผ่าเมือง ครั้งที่ 3″ รายการ “อะเมซิ่งไทยแลนด์ มาราธอน แบงค็อก 2020 พรีเซนเต็ด บาย โตโยต้า” หวังบูมเศรษฐกิจสร้างกระแสท่องเที่ยวเชิงกีฬา คาดมีนักวิ่งทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติร่วมแข่งขัน 30,000 คน สร้างรายได้มากกว่า 900 ล้านบาท
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานแถลงข่าวการจัดการแข่งขันวิ่งมาราธอนส่งเสริมการท่องเที่ยวระดับโลก รายการ “อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน แบงค็อก 2020 พรีเซนเต็ด บาย โตโยต้า” เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2562 ณ โรงภาพยนต์เอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์ ถนนรัชดาภิเษก
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะรองประธานที่ปรึกษาคณะกรรมการอำนวยการจัดการแข่งขันฯ กล่าวว่า กระทรวงมีนโยบายที่ชัดเจนที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sports Tourism) โดยเฉพาะอย่างยิ่งกีฬาที่มีโอกาสดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมาร่วมเป็นจำนวนมากอย่างวิ่งมาราธอน, วิ่งเทรล หรือไตรกีฬา ให้เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์หลักในระยะยาว โดยมีแผนการสร้างแบรนด์ระดับโลกด้วยตัวเอง ในฐานะของตัวแทนรัฐบาล จึงได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับเป็นเจ้าภาพในแต่ละส่วน เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนและสามารถจัดการแข่งขันมาราธอนในระดับโลกได้ในที่สุด ตนคาดหวังว่าการแข่งขันรายการนี้ จะต้องจัดอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี รวมทั้งจะทำให้รายการนี้ติดอันดับ 1 ใน 10 ของมาราธอนที่คนทั่วโลกอยากเดินทางมาร่วมแข่งขันมากที่สุด ทั้งนี้ ยังได้สั่งการให้ ททท.นำรายการนี้เสนอต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อจัดเป็นซีรีส์มาราธอนของประเทศต่อเนื่องตลอดทั้งปี 2563 โดยขั้นต้นเลือก 5 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (อะเมซิ่งไทยแลนด์มาราธอน), จังหวัดบุรีรัมย์, จังหวัดชลบุรี, จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดราชบุรี ตั้งเป้ามีผู้ร่วมแข่งขันทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเกิน 100,000 คน เป็นคนต่างชาติ มากกว่า 15,000 คน
“ประเทศไทยของเรามีศักยภาพ มีความพร้อมที่จะจัดวิ่งมาราธอนเป็นรายการระดับ WORLD EVENT เรามีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย มีการต้อนรับที่อบอุ่น ใครๆ ก็อยากมาวิ่งอยากมาเที่ยวเมืองไทย ดังนั้น ตนจะดันรายการอะเมซิ่งไทยแลนด์มาราธอนเป็นรายการนำร่องของรัฐบาล เพื่อนำไปสู่มาราธอนซีรีส์ของประเทศให้ได้ในที่สุด ฉะนั้นทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน” นายพิพัฒน์กล่าว
นายพิพัฒน์ กล่าวอีกว่า การแข่งขันที่จัดขึ้นเป็นปีที่ 3 มั่นใจว่าจะต้องดีกว่า 2 ครั้งแรกอย่างแน่นอน และก็หวังว่าปีนี้จะไม่เจอกับปัญหาฝุ่นควัน PM 2.5 เหมือนเมื่อปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามปีนี้มีการเตรียมการอย่างดี ทำงานร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุข, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสภากรุงเทพฯ เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น
ด้านนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานอำนวยการคณะกรรมการจัดการแข่งขัน กล่าวว่า ททท.ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬา ให้เป็นเจ้าภาพหลัก โดยจะร่วมกับไทยแลนด์ไตรลีกพาร์ทเนอร์สำคัญทางด้านการกีฬาของ ททท. โดยครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 จะจัดวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2563 โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อยกระดับให้ไทยเป็นจุดหมายปลายด้านการท่องเที่ยวและการกีฬา หรือ SPORT TOURISM DESTINATION อย่างยั่งยืน ททท.จะใช้กระแสของกีฬาวิ่งที่กำลังบูมอย่างต่อเนื่อง มาเป็นเครื่องมือหลักในการดึงนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้เดินทางมาร่วมงาน
ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 กิจกรรมนี้จะถือเป็นกิจกรรมหลักของ ททท. เช่นเดียวกับงานเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่เลยทีเดียว คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมแข่งขันประมาน 30,000 คน เป็นชาวต่างชาติไม่น้อยกว่า 5,000 คน ก่อให้เกิดรายได้ทั้งทางตรงและทางอ้อมในระบบเศรษฐกิจของประเทศไม่น้อยกว่า 900 ล้านบาท นอกจากนี้ยังตั้งเป้าไว้ว่า ภายใน 3 ปี อะเมซิ่งไทยแลนด์ มาราธอน จะเป็นหนึ่งในรายการที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินิยมมาร่วมมากที่สุดในทวีปเอเชีย
รายการอะเมซิ่งไทยแลนด์มาราธอน กำลังได้รับการประกาศการรับรองอย่างเป็นทางการจาก สหพันธ์สมาคมกรีฑานานาชาติ หรือ IAAF ในฐานะ BRONZE LABEL ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งถือว่าเป็นรายการมาราธอนน้องใหม่ของวงการวิ่งที่ได้รับการรับรองจาก IAAF เร็วที่สุดคือภายใน 2 ปีเท่านั้น นอกจากนี้ ททท.ได้ไปออกบูธประชาสัมพันธ์รายการนี้ในรายการมาราธอนระดับโลกมากมาย อาทิ โอซากามาราธอน ที่ประเทศญี่ปุ่น, ปักกิ่งมาราธอน ที่ประเทศจีน, สิงคโปร์มาราธอน เป็นต้น ซึ่งได้รับกระแสตอบรับจากนักวิ่งต่างชาติเป็นอย่างดี
“ ททท. ได้จัดทำแผนการจัดการแข่งขันอะเมซิ่งไทยแลนด์มาราธอนซีรีส์ จำนวน 5 รายการ เสนอเข้าครม.เศรษฐกิจและได้รับความเห็นชอบในขั้นต้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการเร่งทำเอกสารเพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อให้อนุมัติในโครงการดังกล่าว” นายยุทธศักดิ์กล่าว
ผู้ว่าการการท่องเที่ยวฯ กล่าวเสริมว่า เรื่องของการป้องกันฝุ่นควัน PM2.5 นั้น ได้เตรียมทั้งก่อนแข่ง ระหว่างแข่ง และหลังการแข่งขัน ไม่ว่าจะงดการก่อสร้างทั้งหมดในช่วงแข่งขัน หรือติดป้ายบอกปริมาณฝุ่นควันตลอดเส้นทางให้นักกีฬา และเพิ่มจุดดื่มน้ำ เพิ่มออกซิเจนให้กับนักกีฬาให้มากขึ้น รวมถึงทีมแพทย์ที่จะคอยดูแลตลอดเส้นทาง
สำหรับการแข่งขัน “อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน แบงค็อก 2020” ถูกจัดขึ้นมาเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน โดยในปีนี้จะทำการแข่งขันในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่กรุงเทพฯ แบ่งการแข่งขันออกเป็น 4 ประเภท ประกอบด้วย มาราธอน 42.195 กม. จำนวน 6,000 คน, ฮาล์ฟมาราธอน ระยะ 21.1 กม. จำนวน 9,000 คน, มินิมาราธอน ระยะ 10 กม. จำนวน 12,000 คน และเดินการกุศล 3.5 กม. 3,000 คน
ในส่วนเส้นทางการวิ่งมาราธอน 42.195 กม. เริ่มจากราชมังคลากีฬาสถาน ออกประตู 4 ผ่านซอยรามคำแหง 24, ถนนถาวรถวัช 1 (ซอยรามคำแหง 24 แยก 2) ถนนพระรามเก้า (ใช้สะพานต่างระดับ) ถนนดินแดง (ใช้สะพานต่างระดับ/อุโมงค์ลอดใต้สะพาน) ถนนราชวิถี (ใช้สะพานต่างระดับ) ข้ามทางรถไฟ ถนนราชวิถี (พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน) ถนนพระรามที่ 5 (สุดถนนวกกลับ) ถนนราชวิถี (พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน) ถนนสวรรคโลก ถนนศรีอยุธยา (ฝั่งพระตำหนักจิตรลดาฯ) ถนนราชดำเนินนอก เลี้ยวขวาแยกจปร. ถนนวิสุทธิกษัตริย์ สะพานพระรามแปด ถนนคู่ขนานบรมราชชนนี (ขาเข้าเมือง) กลับตัวบนถนนบรมราชชนนี ช่วงก่อนถึงจุดตัดพุทธมณฑลสาย 4 ถนนคู่ขนานบรมราชนนี (ขาออกเมือง) สะพานพระรามแปด ลงสะพานเลี้ยวขวา มาที่ถนนราชดำเนินนอก ผ่านสะพานผ่านฟ้าฯเลี้ยวขวาเข้าเส้นชัยหน้าถนนพระสุเมรุ
ส่วนจุดปล่อยตัวของ ฮาล์ฟมาราธอน อยู่ที่ราชมังคลากีฬาสถาน หัวหมาก เข้าเส้นชัยที่ถนนพระยาสุเมรุ (สะพานผ่านฟ้าฯ), มินิมาราธอน ปล่อยตัวที่ถนนราชดำเนินกลาง (หน้าโลหะสถาน) เข้าเส้นชัยที่ ถนนราชดำเนินกลาง (อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย) และเดินการกุศล ปล่อยตัวที่ถนนราชดำเนินกลาง (หน้าโลหะสถาน) เข้าเส้นชัยที่ถนนราชดำเนินนอก (หน้าสน.นางเลิ้ง)