ผงาดคว้าแชมป์แบดมินตันอาชีพรายการระดับ “เวิลด์ ทัวร์ ซุปเปอร์ 500” ได้เป็นครั้งแรก และเป็นแชมป์แรกในรอบ 2 ปีได้สำเร็จสำหรับ “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ และ “ปอป้อ”ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย นักแบดมินตันคู่ผสมมือ 4 ของโลก ในศึก “สิงคโปร์โอเพ่น 2019” ที่ประเทศสิงคโปร์เมื่อช่วงกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา
แชมป์รายการระดับ “เวิลด์ ทัวร์ ซุปเปอร์ 500” นับว่าสำคัญแล้ว แต่อาจจะไม่สำคัญเท่ากับความมั่นใจที่มาจากการคว้าชัยชนะเป็นครั้งแรกเหนือ เจิ้ง ซีเว่ย และฮวง หย่าเฉียง คู่มือ 1 ของโลก และมือวาง 1 ของรายการจากจีนในรอบรองชนะเลิศ หลังจากคู่ของไทยแพ้มา 6 ครั้งรวดที่เจอกันมา
ย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ “บาส” และ “ปอป้อ”เปิดฉากศักราชใหม่ด้วยการคว้า 2รองแชมป์จากรายการ “ปริ๊นเซส สิริวัณณวรีไทยแลนด์ มาสเตอร์ส” และ “เปโรดัว มาเลเซีย มาสเตอร์ส 2019” แต่หลังจากนั้นทั้งคู่ทำผลงานได้ไม่ค่อยดีเท่าที่ควร ไม่ว่าจะเป็นรายการ “โยเน็กซ์ เยอรมัน โอเพ่น 2019”และรายการใหญ่ที่มีความคาดหวังสูงอย่าง “โยเน็กซ์ ออล อิงแลนด์ 2019” ซึ่งทั้งคู่เข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ ทำให้สต๊าฟโค้ชและทีมงานของ “เอสซีจี แบดมินตัน อคาเดมี่” ได้ตัดสินใจให้ทั้งคู่ถอนตัวจากศึก “โยเน็กซ์ ซันไรส์อินเดีย โอเพ่น 2019” เพื่อกลับมาทบทวนแก้ไขจุดบกพร่อง และเพื่อจะได้มีระยะเวลาพักผ่อนฟื้นฟูสภาพร่างกาย 2 สัปดาห์
การตัดสินใจดังกล่าว ทำให้ทั้งคู่มีสภาพความพร้อมตามที่ตั้งใจไว้ และคืนฟอร์มกลับมาทำผลงานได้ยอดเยี่ยมด้วยการเข้ารอบตัดเชือกรายการ “เซลคอม เอเชียต้า มาเลเซีย โอเพ่น 2019” ก่อนจะมาคว้าแชมป์แรกของปีในศึก“สิงคโปร์ โอเพ่น 2019” ได้ในที่สุด
“ปอป้อ” กล่าวว่า เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาสภาพความพร้อมของร่างกายอยู่ที่ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ เพราะว่าได้หยุดพักช่วงปีใหม่ไปหลายวัน แม้รายการแรกของปีจะได้เข้าชิง แต่อาจจะเล่นไม่ได้ตามที่เตรียมเอาไว้
“ช่วงต้นปีร่างกายค่อนข้างพร้อมค่ะ แต่ผลที่ออกมาอาจจะยังไม่ได้ตามที่เราตั้งไว้ ซึ่งก็อาจจะเป็นเรื่องของสมาธิด้วยในช่วงนั้น รวมทั้งเราก็พลาดเองเยอะ” ปอป้อ เล่าให้ฟัง
ขณะที่ “บาส” กล่าวว่า สภาพร่างกายตั้งแต่ช่วงต้นปีอาจจะไม่เต็มร้อย แต่ในตอนนั้นเราก็ค่อยๆ มองไปทีละแมตช์ และพยายามทำผลงานให้ดี แต่ก็ยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งร่างกายมีความพร้อมเต็มที่ในช่วงรายการเยอรมัน และออล อิงแลนด์ แต่ปรากฏว่า ผลที่ออกมาก็ยังไม่พอใจ เพราะได้ตั้งเป้าไว้ว่าจะเข้ารอบเซมิไฟนอล
“หลังจากกลับมาจากออล อิงแลนด์ เราก็ถอนตัวจากแมตช์ที่อินเดียไปจากคำแนะนำของทีมงาน เพื่อกลับมาแก้ไขจุดบกพร่องและเตรียมความพร้อมก่อนไปแข่งขัน 2 แมตช์ที่มาเลเซีย และสิงคโปร์” บาสกล่าว
ช่วงเวลา 2 สัปดาห์ที่ทั้ง เดชาพล และทรัพย์สิรี กลับมาแก้ไขข้อบกพร่องนั้น ทางสต๊าฟโค้ชนำโดย “โค้ชโอม” เทศนา พันธ์วิศวาสได้ปรับแก้เรื่องสภาพร่างกาย ความคิด สมาธิ และเทคนิคต่างๆ โดยมี รศ.เจริญ กระบวนรัตน์ หัวหน้าทีมผู้เชี่ยวชาญวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาเติมเต็มในการเตรียมความพร้อม
“บาส” กล่าวว่า ในช่วงนั้นเราได้คิดร่วมกัน เพื่อแก้ไขจุดบกพร่อง พอกลับไปแข่งขันก็เริ่มทำได้ดีขึ้นในเรื่องสมาธิ การควบคุมตัวเองก็ดีขึ้น
ขณะที่ “ปอป้อ” บอกว่า เมื่อก่อนตีลูกเสีย ก็จะคิดแค่ว่า “เสียแล้วเสียไป” แต่พอตอนนี้ตีเสียแล้วก็ต้องเบรกบ้าง และคิดว่าเราผิดพลาดตรงจุดไหน มีคุยกันเองบ้างกับบาส และโค้ชก็เข้ามาช่วยแนะนำระหว่างเกม รวมทั้งช่วงนั้นยังได้ฝึกสมาธิให้นิ่งขึ้น เพื่อให้จิตใจสงบด้วยการสวดมนต์ก่อนนอนด้วย
ก่อนลงสนามเจอกับคู่มือ 1 จากจีน “โค้ชโอม” ได้ปรับวิธีการเล่นบางอย่าง ที่นำมาจากบทเรียนความพ่ายแพ้ 6 ครั้งก่อนหน้านี้ปรากฏว่า สถานการณ์การเล่นในสนามดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่า จะโดนนำห่างทั้งสองเกม แต่ทั้งคู่ก็กลับมาเอาชนะได้ทั้งสองเกม 24-22,21-19
“เกมแรกที่โดนนำห่าง 5-11 แต่ก็ไล่ขึ้นมาได้ ทำให้มีความมั่นใจมากขึ้น แต่ไม่ได้คิดถึงชัยชนะ เพราะจะกลายเป็นกดดันตัวเอง พอชนะเกมแรกได้ก็คิดว่า เกมสองให้ตีเหมือนเดิม และอย่าผ่อน เกมสองก็โดนนำ 7-11 แต่ก็พยายามกลับมาจนได้” ปอป้อกล่าว
“เราตีไปเรื่อยๆ ไม่สนใจแต้ม จนกลับมาชนะ และทำให้เรารู้แล้วว่า จะตียังไงกับเขา แต่ครั้งต่อไปเขาก็คงปรับแก้มาเช่นกัน ดังนั้นเราต้องไม่หยุด ปรับแก้ตัวเอง ปรับตามไปเรื่อยๆ ด้วย” บาสเล่าบ้าง
ด้าน “โค้ชโอม” เทศนา พันธ์วิศวาส ระบุว่า ช่วงที่ถอนตัวจากรายการอินเดีย โอเพ่น ได้กลับมาแก้ไขข้อผิดพลาด สำหรับการเจอกับคู่มือ 1 โลกจากจีน 6 ครั้งที่ผ่านมาเราเป็นฝ่ายพ่ายแพ้มาโดยตลอด และก็หาทางแก้ไขปรับแก้จุดต่างๆ มาเรื่อยๆจนหาทางเอาชนะได้ในที่สุด
“แม้จะทำแต้มตามเขา แต่รูปแบบเกมการเล่นเราดีขึ้น สามารถคุมเขาอยู่ทำแต้มไล่มาและเอาชนะได้ แต่เราต้องพัฒนาตัวเองตลอดเพราะครั้งต่อไปที่เจอกันเขาก็ต้องปรับแก้เกมมาและก็จะระวังเรามากขึ้น”โค้ชโอมกล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า “บาส-ปอป้อ”จะคว้าชัยเหนือคู่มือ 1 โลกแดนมังกรได้ แต่ “โค้ชโอม” ยืนยันว่า เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้นเพราะครั้งต่อไปที่จะเจอกันนั้น จะต้องเหนื่อยเพิ่มขึ้นกว่าเดิมแน่นอน ดังนั้น การฝึกซ้อมเตรียมพร้อมก็จะต้องเข้มข้นขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
“เราลองมองเข้าไปที่ตัวนักกีฬาว่า สิ่งที่เขาต้องเพิ่มเติมคืออะไร ไม่ใช่ชนะมาทีก็ยอกันที และอย่าเสพติดความสุข ไม่เช่นนั้นอาจจะหลงได้ เสพความสุขได้ให้เป็นกำลังใจ แต่อย่าเสพนาน ให้เราโฟกัสกับตัวเอง ตั้งใจฝึกซ้อม และทำผลงานให้อยู่ในเป้าหมายที่วางไว้ต่อไป” โค้ชโอมเตือนสตินักกีฬาทุกคน
“บาส-ปอป้อ” แทบจะไม่มีเวลาชื่นชมกับความสำเร็จ เพราะยังมีภารกิจมากมายที่รอคอยอยู่ข้างหน้า โดยเฉพาะกับมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น วันที่ 24 กรกฎาคม -9สิงหาคมปีหน้า ซึ่งจะเริ่มเก็บคะแนนสะสมในเดือนพฤษภาคมนี้เป็นต้นไป
นี่แค่จุดเริ่มต้นของก้าวสำคัญในห้วงเวลาอีกปีเศษๆ ของทั้งสองคน…